วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

พระพุทธศาสนาในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


              พุทธศาสนากำลังเผชิญกับการท้าทายสำคัญจากกระแสโลกาภิวัตน์  ซึ่งเป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  เป็นยุคที่เทคโนโลยีได้เชื่อมโยงให้โลกสามารถเชื่อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ มนุษยชาติสามารถเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว สำหรับพระพุทธศาสนานั้น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบต่อพระพุทธศาสนา ตัวอย่างของผลกระทบด้านบวก เช่น การเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้อย่างรวดเร็ว กว้างขวางทั่วโลก ผู้คนสามารถเข้าถึงพระธรรม คำสอนผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้โดยสะดวก ทุกที ทุกเวลา ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบด้านลบ เช่น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาที่ไม่ถูกต้อง เหมาะสม การดูหมิ่นพระพุทธศาสนาโดยกลุ่มคนต่างศาสนา เป็นต้น

               ในปัจจุบันแนวโน้มของประชากรโลกที่จะใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ หรืออินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้งานผ่านเครื่องมือต่างๆ ทั้งเครืองคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ สำหรับประเทศไทยแล้วเราจะสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกได้หรือไม่ เป็นเรื่องน่าจับตามองสิ่งที่ควรให้ความสำคัญและไม่มองข้ามคือการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าว ต้องเป็นไปอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ รวมทั้ง ไม่เป็นการบิดเบือนพระธรรม คำสอนของพระพุทธศาสนาตามพระไตรปิฏก

                 การประชุมทางวิชาการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อความเท่าเทียมกันประจำปี .. 2555 เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับพระพุทธศาสนา หรือ ICT for All Symposium 2012 on “ICT and Buddhism” เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน .. 2555 โดย ชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อความเท่าเทียมกัน (ICT for All Club -- www.ictforall.org) และภาคีองค์กรร่วมจัด ได้แก่ สภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สมาคมพัฒนาผู้บริโภคไทย สมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย สภาพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองและสมาคมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งประเทศไทยที่ประชุมมีข้อเสนอแนะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีดังนี้
                ๑ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาเว็บไซต์ห้องสมุดพระพุทธศาสนาโลก (www.buddhist-elibrary.org) ให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
                ๒การฝึกอบรมแก่พระสงฆ์ สามเณร และผู้ที่สนใจโดยทั่วไป เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เพื่อการเข้าถึงและเผยแผ่พระพุทธศาสนารวมถึงกำหนดแนวปฏิบัติในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสม ถูกต้องตามพระธรรมวินัย สำหรับพระสงฆ์ สามเณร
                ๓ส่งเสริมและสนับสนุนให้วัด สำนักสงฆ์ที่มีความพร้อมเป็นที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน และเป็นศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนาผ่านระบบ e-Learning รวมถึงจัดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย
                ๔พัฒนา Course Ware หรือแอพพลิเคชันที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะสำหรับแท็บเล็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ เผยแพร่ในทุกระดับชั้นการศึกษา และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจ
                ๕สนับสนุนให้วัดต่างๆ ทั่วประเทศ มีเว็บไซต์ของวัด เพื่อเป็นการสื่อสารสองทางกับประชาชน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้คนมีความใกล้ชิดธรรมะมากขึ้นทั้งนี้ โดยภาครัฐควรเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์และการเช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของเว็บไซต์
                ๖ควรมีองค์กรและผู้ทรงคุณวุฒิที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานและตรวจสอบเนื้อหาของธรรมะที่เผยแพร่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะทางเว็บไซต์ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเนื้อหานั้น มีความถูกต้องตามพระไตรปิฎก
                ๗สนับสนุนให้มีการแปลหนังสือธรรมะเป็นภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ แล้วนำขึ้นเผยแพร่ทางเว็บไซต์ หรือในรูปแบบ e-Bookเพื่อให้ผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะชาวต่างประเทศสามารถเข้ามาศึกษาได้
เมื่อดำเนินการได้ดังนี้แล้ว ก็เชื่อได้ว่าเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่กับมนุษยชาติสืบต่อไป
  
                อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้าอย่างมาก สามารถให้ข้อมูลข่าวสารแก่เราได้อย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้เราเข้าถึงพระพุทธศาสนาอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่เราควรใช้อย่างมีโยนิโสมนสิการ ก็ คือมีสติ เทคโนโลยีเมื่อนำมาใช้ในทางที่ดีก็เกิดสิ่งดี เมื่อนำมาใช้ในทางที่ไม่ดีก็เกิดสิ่งเลวร้ายได้เช่นกัน เราไม่ควรมองเทคโนโลยีด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาจนเกินไป มีหลายคนหลงคิดว่าเทคโนโลยีล้วนเป็นเพียงเครื่องมือหรือ Tools ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งาน แต่ถ้าเรามองให้ลึกซึ้งลงไปก็จะเห็นถึงความสลับซับซ้อนมากกว่านั้น พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เน้นการพัฒนาตนเอง พึ่งตนเอง ฝึกตนเอง เทคโนโลยีก็มีแนวโน้มไปอีกด้านหนึ่ง คือเอื้ออำนวยความสะดวกในเชิงกายภาพ ซึ่งอาจทำให้ยึดติดอยู่กับวัตถุ ขาดวัตถุแล้วเป็นทุกข์ง่ายขึ้น ขณะที่ศาสนาเน้นให้มนุษย์กลับไปหารากฐานของตัวเองและพัฒนาจิตใจมากกว่าเรื่องกายภาพหรือการอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีในพุทธศาสนา คือ การภาวนา ถ้าพุทธบริษัทรู้จักใช้ก็จะขยายไปถึง ศีล สมาธิและปัญญา ส่วนความหวังที่จะให้เทคโนโลยีแห่งโลกปัจจุบัน อย่างเช่นอินเตอร์เน็ต เป็นเครื่องมือในการสอนศาสนานั้น อาจเป็นการเปิดประตูบานแรกเท่านั้น ผลเป็นอย่างไรเป็นที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
อ้างอิง :http://www.ictforall.org/ICT_for_All_Symposuim_2012/E_Proceeding_ICT_for_All_Symposium_2012.pdf)